เกร็ดความรู้: มะเร็งในช่องปาก ลักษณะอาการ คล้ายแผลร้อนใน และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 – 3 สัปดาห์ ต่อมาเกิดเป็นก้อนบวมโต เป็นก้อนเนื้อ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนมีก้อนติดอยู่ในลำคอ อาจมีอาการชา เจ็บปวด หรือมีเลือดไหลในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการกลืน เคี้ยวอาหารลำบาก พูดและอ้าปากได้น้อย เสียงเปลี่ยน เจ็บในหู น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ปัจจัยเสี่ยง การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งช่องปากมากขึ้น 6 เท่า การดื่มสุราโดยเฉพาะอย่างยิ่งสูบบุหรี่ร่วมกับดื่มสุราเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น 15 เท่า การเคี้ยวหมากพลู สูบยาเส้นหรือยาฉุน มีสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่ พันธุกรรมผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งช่องปาก มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไป มีบาดแผลเรื้อรังในช่องปากจากฟันผุ ฟันบิ่น ฟันปลอมหลวม ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำๆ จนเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก พบว่าสามารถทำให้เกิดมะเร็งในช่องปากได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 (HPV16) การป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในช่องปาก ลดความเสี่ยงในการทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก เช่น ลดการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การเคี้ยวหมากพลู การสูบยาเส้นหรือยาฉุน รับประทานอาหาร ผักและผลไม้หลากหลายชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ หมั่นตรวจสุขภาพของช่องปากและฟันทุก 6 เดือน หากมีความผิดปกติใดๆ เช่น ฟันผุ ฟันบิ่น ฟันปลอมหลวม ให้รีบไปพบทันตแพทย์ การรักษา มีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การใช้รังสีรักา การรักาด้วยเคมีบำบัด การใช้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Target Drug Therapy) โดยแพทย์อาจใช้วิธีดังกล่าวข้าวต้นร่วมกันมากว่า 1 วิธี (ข้อมูลข่าว: กระทรวงสาธารณสุข)
สถิติการเข้าชมเริ่มวันที่ | วันนี้ | เมื่อวานนี้ | เดือนนี้ | เดือนก่อน | ปีนี้ | ปีก่อน | ทั้งหมด | ไอพี ของคุณ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
01/05/2556 | 491 | 15240 | 24852 | 35380 | 137846 | 266894 | 839496 | 18.204.56.185 |